เมื่อเราใช้รถยนต์มาได้สักระยะ เราอาจสงสัยว่าเมื่อไหร่ที่เราควรเปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์ จะเปลี่ยนหรือไม่เปลี่ยนดี แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่เราสังเกตว่ารถยนต์เริ่มอาการสตาร์ทอืดและสตาร์ทยาวขึ้น หรือเมื่อเราสตาร์ทในจังหวะแรกเกิดเงียบแล้วตามด้วยเสียงกึก ในนั้นคือสัญญาณว่าแบตเตอรี่เสื่อมแล้ว
ถ้าหากไม่อยากยุ่งยากในการสังเกตอาการต่างๆ ของเครื่องยนต์ เมื่อใช้ไปได้ 2 ปีก็สามารถเปลี่ยนได้เลย โดยอาจจะไปเปลี่ยนที่ร้าน หรือบางคนอาจจะทำเองที่บ้านโดยต้องเตรียมอุปกรณ์ดังนี้ แบตเตอรี่รถยนต์ลูกใหม่, ถุงมือ, ประแจ, จารบี
ขั้นตอนแรกเราควรจอดรถยนต์ให้สนิทใส่เบรกให้เรียบร้อย ใส่ถุงมือเพื่อป้องกัน ประกายไฟ จากนั้นเริ่มไขโครงเหล็กยึดแบตเตอรี่ออก (ถ้ามี) แล้วไขตัวยึดแบตเตอรี่โดยการถอดขั้วลบ (-) ออกก่อน ขั้นตอนนี้ห้ามลืมเด็ดขาด เมื่อไขออกทั้งสองข้างแล้วให้ยกออกตรงๆ ในแนวตั้ง จากนั้นเราอาจจะทำความสะอาดสายต่อโดยใช้แปรงปัดเศษสนิม เศษคราบสกปรกออกก่อนก็ยิ่งดี จากนั้นนำแบตเตอรี่รถยนต์ลูกใหม่ใส่เข้าไปโดยต้องต่อขั้วบวก (+) ก่อนเสมอ แล้วใส่โครงเหล็กกลับเข้าไปเหมือนเดิม ไขให้แน่น บางคนอาจฉีดจารบีที่แบตเตอรี่เล็กน้อยเพื่อชะลอการเสื่อมสภาพ
หากใครมีเครื่องวัดโวลท์มิเตอร์อาจนำมาทดสอบก่อนการใช้งานโดยการสตาร์ทเครื่องยนต์แต่ไม่ต้องเปิดแอร์ จากนั้นให้ลองเปิดไฟหน้าแล้วค่อยเปิดแอร์ ค่าที่ได้ต้องมากกว่า 13.5V ส่วนแบตเตอรี่ลูกเก่าไม่ควรนำไปวางทิ้งในถังขยะเด็ดขาดหรือวางเกลื่อนกลาด เพราะแบตเตอรี่มีสารพิษ เราสามารถนำไปให้ร้านซ่อมรถยนต์หรือขายต่อตามร้านขายแบตเตอรี่ได้